ประกันเดินทางญี่ปุ่น 2025: ควรมีไหม เลือกคุ้มครองอะไรบ้าง และเคลมอย่างไร
ทำไม “ควรมี” แม้ยังไม่บังคับตามกฎหมาย
ค่ารักษาพยาบาลที่ญี่ปุ่นถือว่าสูง โรงพยาบาลจำนวนมากอาจขอให้ชำระเงินก่อน การมีกรมธรรม์ที่ครอบคลุมค่ารักษา การเคลื่อนย้ายฉุกเฉิน/ส่งกลับประเทศ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. จะช่วยให้เข้าถึงการรักษาได้รวดเร็ว ลดภาระค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด รวมถึงเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางกับผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก ใครที่เดินทางหลายเมือง/ชนบท ควรเลือกแผนที่มีเครือข่ายช่วยเหลือกว้างและช่องทางเคลมเป็นภาษาอังกฤษ
เลือกวงเงิน–ส่วนคุ้มครองที่ใช่สำหรับญี่ปุ่น
แนะนำตั้งวงเงินค่ารักษาให้เหมาะกับเมืองใหญ่ (โตเกียว โอซาก้า) และเพิ่มความคุ้มครองกระเป๋า/อุปกรณ์ หากพกกล้อง/มือถือ/แล็ปท็อปมูลค่าสูง นักกิจกรรม (สกี, ดำน้ำ, ปีนเขา) ต้องตรวจว่ากลุ่มกีฬานั้นๆ อยู่ในความคุ้มครองหรือไม่ และดูค่า excess ให้เหมาะกับงบ การเพิ่มยกเลิกทริปจะช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายแบบ non-refundable กรณีป่วยฉุกเฉินก่อนเดินทางหรือเหตุสุดวิสัย
วิธีเคลมที่ญี่ปุ่นแบบไม่สะดุด
บันทึกเบอร์สายด่วนในกรมธรรม์ไว้ในมือถือ พกสำเนากรมธรรม์/ใบรับรองภาษาอังกฤษ เก็บใบเสร็จ/ใบรับรองแพทย์ทุกครั้ง แจ้งเหตุผ่านช่องทางที่ระบุ (แอป/อีเมล/ไลน์/โทร) ภายในเวลาที่กำหนด กรณีต้อง admit ให้ติดต่อฝ่ายช่วยเหลือฉุกเฉินก่อนเสมอเพื่อประสานค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเคสใหญ่ที่อาจต้องการการรับประกันการชำระเงิน (Guarantee of Payment)
FAQ:
Q1: ไปญี่ปุ่นต้องซื้อประกันเดินทางไหม? A: ปัจจุบัน ไม่ได้บังคับตามกฎหมาย แต่ หน่วยงานท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JNTO) และสถานทูตญี่ปุ่น แนะนำอย่างยิ่ง เพราะค่ารักษาพยาบาลสูง และมีบริการช่วยเหลือ/ล่าม/เคลื่อนย้ายฉุกเฉินที่จำเป็นต่อผู้เดินทาง ควรเลือกวงเงินเหมาะสมกับเมืองใหญ่และเครือข่ายโรงพยาบาล/บริการฉุกเฉิน 24 ชม.
Q2: ซื้อประกัน “หลังเข้าญี่ปุ่น” ได้ไหม? A: มีทางเลือกประกัน/แพ็กเกจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ซื้อได้หลังเดินทางถึงญี่ปุ่น (ผ่านช่องทางที่ JNTO แนะนำ) แต่เพื่อคุ้มครอง ยกเลิกทริปก่อนออกเดินทาง ควรซื้อจากไทยตั้งแต่แรกจะครอบคลุมกว่า