นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท สวัสดีคอร์ปอเรชั่น จำกัด ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท” ขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจ “นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” นี้ เนื่องจากนโยบายนี้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย (รวมเรียกว่า “การประมวลผลข้อมูล”) และการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในประการอื่น ๆ รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของท่านตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทจึงประกาศ “นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” ดังต่อไปนี้

1. คำนิยาม

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่กำหนดไว้ตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา หรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่กฎหมายกำหนด

“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายลําดับรองที่ตราขึ้น และตามที่มีการแก้ไขเป็นครั้งคราว

ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง นิติบุคคลหรือบริษัท ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของกระดาษหรืออิเล็กทรอนิกส์ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

กลุ่มสวัสดีคอร์ปอเรชั่น หมายถึง กลุ่มบริษัทสวัสดีคอร์ปอเรชั่น บริษัทในเครือและบริษัทย่อยของสวัสดีคอร์ปอเรชั่น ซึ่งรวมถึง กลุ่มบริษัทสวัสดีคอร์ปอเรชั่น

“ลูกค้านิติบุคคล” ได้แก่ กรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง พนักงาน ผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้านิติบุคคล รวมถึงบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอำนาจในการกระทำการแทนลูกค้านิติบุคคล

“บุคคลที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทฯ” คือ บุคคลธรรมดาที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ หรือบริการกับบริษัทฯ แต่บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้ชำระเบี้ยประกันภัย ผู้รับผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกัน บุคคลภายนอกผู้ได้รับค่าสินไหมทดแทน บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ หรือเข้าใช้บริการที่สาขา หรือสำนักงานของบริษัทฯ ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง กรรมการ หรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของนิติบุคคลที่ใช้บริการของบริษัทฯ ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมถึงกรรมการ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว และบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับบริษัทฯ หรือเกี่ยวข้องกับลูกค้าของบริษัทฯ

2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย

เนื่องจากบริษัทฯ มีบทบาทและหน้าที่ในการกำหนดวัตถุประสงค์และวิธีการในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จึงทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  • ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป เช่น ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ การศึกษา สถานภาพสมรส สัญชาติ
  • ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ติดต่อทางไปรษณีย์ ที่อยู่อิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร บัญชีสื่อสังคมออนไลน์
  • ข้อมูลที่ใช้ในการระบุตัวตน และการยืนยันตัวตน เช่น ภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวประชาชน เลข laser (ด้านหลังบัตรประจำตัวประชาชน) ข้อมูลหนังสือเดินทาง ข้อมูลหนังสือสำคัญ บัตรประจำตัวคนต่างด้าว ใบอนุญาตขับรถ ลายมือชื่อ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงาน เช่น อาชีพ รายละเอียดเกี่ยวกับนายจ้าง และสถานที่ทำงาน ตำแหน่ง เงินเดือน ค่าตอบแทน
  • ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้ แหล่งที่มาของรายได้ เลขที่บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต ข้อมูลเกี่ยวกับภาษี การเคลื่อนไหวของบัญชีบริษัทฯ การกู้เงิน การลงทุน ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน
  • ข้อมูลผลิตภันฑ์ และ/หรือ บริการต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการต่าง ๆ ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเคยซื้อจากบริษัทฯ หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยรายอื่น (เช่น หมายเลขกรมธรรม์ จำนวนเงินเอาประกันภัย การเปลี่ยนแปลง/การทำธุรกรรมเกี่ยวกับกรมธรรม์) ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีอยู่กับบริษัทฯ หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยรายอื่นในปัจจุบัน (เช่น ข้อมูลความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย ประวัติการชำระเบี้ยประกันภัย ข้อมูลการรักษาพยาบาล ข้อมูลประวัติการเรียกร้องสินไหมทดแทน รวมถึงการใช้สิทธิต่าง ๆ ภายใต้กรมธรรม์ หรือผลิตภันฑ์ หรือบริการอื่น ๆ ของบริษัทฯ หรือผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยรายอื่น)
  • ข้อมูลการวิจัยตลาด ข้อมูลการตลาด และยอดขาย เช่น ข้อมูล และความเห็นที่แสดงออกเมื่อเข้าร่วมวิจัยตลาด หรือสำรวจความคิดเห็น/ความพึงพอใจของลูกค้า
  • ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ เช่น ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริง (Due Diligence) (เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการให้ลูกค้าแสดงตน (KYC)) การตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence) ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบและการบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟอกเงิน และการต่อต้านการก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ข้อมูลเพื่อตรวจสอบภาวะล้มละลาย
  • ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ เช่น สาขาบริษัทฯ ที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address) คุ้กกี้ (Cookies) ประเภท และเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา ประเภทของปลั๊กอินในเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการ และแพลตฟอร์ม ข้อมูลผู้ใช้ (User Profile) ข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิค และข้อมูลเฉพาะที่ใช้ระบุตัวตน (เช่น หมายเลข IMEI (International Mobile Equipment Identity) ของโทรศัพท์มือถือ หรือหมายเลขเฉพาะประจำอุปกรณ์ (Unique Device Identifier) อื่น ๆ และรายละเอียดใด ๆ เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ)
  • ข้อมูลการเข้าใช้ และการขอใช้บริการ เช่น ข้อมูลการเข้าใช้ระบบของบริษัทฯ การทำธุรกรรมกับบริษัทฯ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และแอปพลิเคชันของบริษัทฯ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย เช่น รูปภาพ ลักษณะรูปพรรณสัณฐานบุคคล การตรวจพบข้อสงสัย หรือธุรกรรมที่ผิดปกติ ภาพถ่าย หรือภาพเคลื่อนไหวผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
  • ข้อมูลอื่น ๆ เช่น บันทึกการโต้ตอบ และการสื่อสารระหว่างเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ ไม่ว่าจะในรูปแบบ หรือวิธีใด ๆ ก็ตาม รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง โทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ไว้กับบริษัทฯ ไม่ว่าผ่านช่องทางใด ๆ
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ข้อมูลพันธุกรรม กรุ๊ปเลือด ประวัติอาชญากรรม ศาสนา ข้อมูลชีวภาพ (Biometric Data) (เช่น การจดจำใบหน้า (Face Recognition) ลายนิ้วมือ (Fingerprint) การจดจำเสียง (Voice Recognition) และการจดจำม่านตา (Retina Recognition)

3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

3.1 บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลตามที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ไว้แก่บริษัทหรือที่มีอยู่กับบริษัททั้งที่เกิดจากการสมัครใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท ข้อมูลการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ บนสื่อออนไลน์ของบริษัทหรือ ข้อมูลการใช้งานผ่านเว็บไซต์ รวมถึงข้อมูลที่ได้จากการที่เจ้าของข้อมูลติดต่อกับบริษัท

3.2 บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลเข้ากับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่น เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็น และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเท่านั้น เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และเพื่อปรับปรุงคุณภาพ และประสิทธิภาพของการให้บริการของบริษัทดียิ่งขึ้น

4. บริษัทฯ เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร

บริษัทฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

4.1 เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย และ/หรือการใช้บริการของบริษัทฯ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทฯ หรือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องปฏิบัติตาม ได้แก่

  • การปฏิบัติตามสัญญาประกันภัย การประกันภัยร่วม การประกันภัยต่อ และการประกันภัยต่อช่วง
  • การสำรวจภัย การประเมินความเสียหาย และการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัย
  • การดำเนินธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาประกันภัย
  • การดำเนินการทางกฎหมาย กรณีต้องรับผิดต่อบุคคลภายนอก หรือรับช่วงสิทธิเรียกร้องกับบุคคลภายนอก
  • การจัดทำสถิติ เพื่อประโยชน์ในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยง
  • การดำเนินการเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการของบริษัทฯ
  • การปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • การดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถคาดหมายได้ เช่น การบันทึกเสียงสนทนาทางคอลเซ็นเตอร์ การบันทึกภาพกล้องวงจรปิดภายใน และภายนอกอาคาร การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร การจัดการข้อร้องเรียน การสำรวจ หรือประเมินความพึงพอใจในการให้บริการ การแจ้งเตือน หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยซึ่งเป็นประโยชน์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ
  • การบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแล การตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานกำกับดูแล ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก และบริษัทในเครือกิจการเดียวกัน ทั้งที่อยู่ในประเทศ และต่างประเทศ
  • การป้องกันตามมาตรการ หรือนโยบายของบริษัทฯ ในการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชำระหนี้ หรือผิดสัญญา การทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานในการป้องกัน และลดความเสี่ยงข้างต้นของบริษัทฯ ในเครือกิจการ หรือธุรกิจเดียวกัน
  • การรับประโยชน์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ประกันภัย และ/หรือบริการของบริษัทฯ ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ความยินยอมไว้ เช่น ข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่าง ๆ ทางการตลาด รวมถึงสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัย และ/หรือบริการของบริษัทฯ หรือผลิตภันฑ์ และ/หรือบริการของบริษัทในเครือกิจการเดียวกัน หรือของพันธมิตรทางธุรกิจ หรือของบุคคลภายนอกที่ให้บริการกับบริษัทฯ

4.2 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตกลงไว้กับบริษัทฯ

5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ อาจทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีดังต่อไปนี้

  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย
  • หน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ตามกฎหมาย เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสรรพากร เป็นต้น
  • สมาคมประกันวินาศภัยไทย และ/หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อประโยชน์ในการจัดทำสถิติ และคำนวณอัตราเบี้ยประกันภัย
  • บริษัทประกันภัยต่อ และ/หรือบริษัทประกันภัยร่วม
  • สถาบันการเงิน หรือผู้ให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการรับชำระเงิน และการจ่ายเงิน
  • ผู้ให้บริการภายนอก ซึ่งบริษัทฯ ได้มอบหมายให้ดำเนินการแทนในเรื่องเกี่ยวกับการรับประกันภัย การสำรวจภัย การบริการสินไหมทดแทน การดำเนินการทางกฎหมาย การตรวจสอบบัญชี และการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับสัญญาประกันภัย
  • บริษัทพันธมิตรทางธุรกิจ หรือผู้รับข้อมูลอื่นทั้งที่อยู่ในประเทศ หรือต่างประเทศ
  • บริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ส่งข้อมูลทางการตลาดให้แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตให้ส่งข้อมูลทางด้านการตลาด หรือข้อมูลข่าวสารใด ๆ ไว้
  • บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายในบริษัทเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การให้บริการในเรื่องเกี่ยวกับการรับประกันภัย การสำรวจภัย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
  • บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เท่าที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานราชการ เช่น ศาล หน่วยงานราชการ เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กล่าวถึงข้างต้นภายใต้ความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้เท่านั้น เว้นแต่จะเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมาย

6. การโอนข้อมูลระหว่างประเทศ

เพื่อการให้บริการต่อคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดเก็บข้อมูลและเอกสารนั้น ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอาจถูกเก็บในต่างประเทศ ซึ่งมาตรฐานการปกป้องความเป็นส่วนตัวอาจมีมาตรฐานที่ต่างไปจากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยหรือมาตรฐานของเรา อย่างไรก็ดีเราจะปฏิบัติตามมาตราการที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสมและปลอดภัย

7. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันสิ้นสุดสัญญาประกันภัย หรือ 10 ปีนับแต่วันที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด หรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เว้นแต่มีกฎหมายกำหนดให้บริษัท จัดเก็บข้อมูลไว้นานกว่าระยะเวลาที่กำหนดดังกล่าว

8. สิทธิของคุณในฐานะเจ้าของข้อมูล

ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนั้น การใช้งานเว็บไซต์ของเรา การรับบริการจากเรา และ/หรือการซื้อขายผลิตภัณฑ์ของเรา คุณมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคุณที่เราได้รับมา ดังนี้

  • สิทธิในการเพิกถอนคุณมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมของคุณที่ให้ไว้กับเราในการเก็บรักษา ใช้ หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หรืออนุญาตให้ผู้ให้บริการภายนอกของเราทำเช่นเดียวกันกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
  • สิทธิในการเข้าถึงคุณมีสิทธิที่จะได้รับการยืนยันจากเราว่าได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้หรือไม่ ซึ่งหากเราได้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของคุณดังกล่าว เราจะยืนยันให้คุณทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกจัดเก็บไว้ที่ใด และ/หรือนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ทั้งนี้คุณมีสิทธิขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณดังกล่าวได้
  • สิทธิในการแก้ไขในกรณีที่คุณพบว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคุณนั้นไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ และไม่เป็นปัจจุบัน คุณมีสิทธิที่จะขอแก้ไขความไม่ถูกต้อง ความไม่สมบูรณ์ และความไม่เป็นปัจจุบันของข้อมูลดังกล่าวได้
  • สิทธิในการส่งต่อข้อมูลในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับคุณกำลังถูกประมวลผลด้วยวิธีการอัตโนมัติ คุณมีสิทธิที่จะขอให้เราส่งต่อข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลอื่น ๆ
  • สิทธิในการจำกัดการประมวลผลหรือล้างข้อมูลคุณมีสิทธิที่จะขอให้เราระงับ หรือจำกัดการใช้งาน หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หรือลบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างถาวร

การเพิกถอนความยินยอมของคุณ การจำกัด การระงับ หรือการลบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ อาจทำให้เราไม่สามารถให้บริการและ/หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่อคุณได้อย่างเต็มที่

9. ช่องทางการติดต่อของบริษัทฯ

หากท่านต้องการใช้สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางช่องทางโทรศัพท์ อีเมล หรือ ไปรษณีย์ ดังต่อไปนี้

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO) ชื่อ: บริษัท สวัสดีคอร์ปอเรชั่น จำกัด สถานที่ติดต่อ: 3/147 ถ. ประชาชื่น ต. ท่าทราย อ. เมืองนนทบุรี จ. นนทบุรี 11000 อีเมล: [email protected] หมายเลขโทรศัพท์: 088 222 6651

กรณีที่ต้องการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้ในนโยบายฉบับนี้ โปรดดาวน์โหลดเอกสารขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฎอยู่บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ และกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ส่งมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ผ่านช่องทางติดต่อที่ระบุข้างต้น

นโยบายฉบับนี้ มีการปรับปรุงและประกาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568

บริษัท สวัสดีคอร์ปอเรชั่น จำกัด

ช่องทางติดต่อ